เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามผู้ก่อเหตุ หลังพบศพชายชาวต่างชาติแถบเอเชียผิวขาว มีรอยสัก ในพื้นที่หวงห้ามของสนามบินสุวรรณภูมิ คาดถูกอุ้มมาสังหาร
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 25 ก.พ.67 ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิต บริเวณร้านอาหารเก่า ริมถนนสุวรรณภูมิสาย 4 ข้างสนามบินสุวรรณภูมิ ต.หนอปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึง รายงาน พล.ต.ต วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณครัว ของร้านอาหารตามสั่งซึ่งได้ปิดกิจการไปแล้ว และเป็นที่หวงห้ามของท่าอากาศยานฯ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ยังไม่ทราบชื่อ คาดว่าเป็นชาวต่างชาติแถบเอเชียผิวขาว มีรอยสักตามร่างกาย สภาพนอนหงายมีคราบเลือดตามใบหน้า สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสำดำ สวมถุงเท้า แต่ไม่พบรองเท้าแต่อย่างใด พลิกศพพบมีบาดแผลถูกปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ 2 นัด บาดแผลถูกรูกระสุนเข้าและออก จำนวน 3 รู ตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณด้านหลังร้าน ยังพบเศษมันสมอง และ รอยเลือดเป็นทางในลักษณะมีการลากศพเข้ามาจากจุดพบมันสมอง คาดเสียชีวิตมแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ชม.ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด คาดการผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 คน
สอบถามนายดิรก สามารถ อายุ 27 ปี พนักงานเก็บขยะของสนามบิน กล่าวว่า ก่อนพบศพตนเองจะเข้ามานั่งทานอาหารช่วงพักกลางวัน อยู่บริเวณนี้เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว จนวันนี้ระหว่างที่กำลังก้มเก็บของอยู่ สายตาเหลือบไปเห็นลอยเลือดลากไปทางเข้าไปภายในครัว จากนั้นจึงเดินตามเข้าไปดู พบร่างของคนนอนนิ่งอยู่ รีบวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ ปกติจุดนี้จะเป็นที่หวงห้ามไม่ให้คนนอกเข้ามา คาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นคนนอก เนื่องจากไม่คุ้นหน้า
ส่วนทางด้าน นาย นพฤกษ์ สุขจิตร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 7.00 น.วันนี้ พบเห็รถ รถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สีแดง ไม่ทราบทะเบียน วิ่งเข้ามาจอดบริเวณที่พบศพ จากนั้นตนเองจึงบีบแตรไล่ เนื่องจากเป็นจุดหวงห้าม ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะขับออกไป กระทั่งมีคนมาพบศพมีคนเสียชีวิตอยู่บริเวณดังกล่าว
พล.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล กล่าวว่า เบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีเอกสารติดตัว จึงยังไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน และประเด็นการก่อเหตุนั้นยังไม่ทราบว่ามาจากเรื่องใด ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อนสักระยะก่อน ได้สั้งการให้ ฝ่ายสืบสวน สภ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ และ ฝ่ายสืบสวน ภจว.สมุทรปราการ กระจายกำลัง เร่งแกะรอยกล้องวงจรปิด บริเวณใกล้เคียง รวมถึงพยานแวดล้อมต่างๆ และประสานเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบประวัติย้อนหลังเพื่อดูอัตลักษณ์ของบุคคลว่า รอยสักในลักษณะนี้เป็นกลุ่มของคนชาติใด รวมถึงนำเงินสกุลไทยที่ในประเป๋าจำนวน 3,100 บาท ไปตรวจสอบดีเอ็นเอ เพื่อหาจุดเชื่อมโยงและเบาแสของผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป













